มีเหตุผลมากมายที่จะออกแสดงใน งาน Exhibition และเหตุผลมากมายที่ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นก็เช่นกัน ในขณะที่มีเหตุผลที่ถูกต้องในการไม่ออกงานอยู่ คุณอาจเข้าใจผิดโดยการพึ่งพาเหตุผลที่ไร้ความแน่นอนเหล่านี้ก็ได้และนี่คือเหตุผล8ข้อที่ว่านั่น
- ใครๆเค้าก็รู้จักเราหมดแล้ว บางครั้งก็ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น ไอที่เราดังซะจนซะจนไม่ต้องแนะนำตัวเองให้เป็นที่รู้จักแล้ว แต่ไอความเป็นที่รู้จักเนี่ยเป็นสิ่งที่ต้องคอยบำรุงรักษาไว้เสมอ – มักจะมีกลุ่มคนหน้าใหม่ที่เพิ่งย้ายมาหรือเพิ่งถูกจ้างเข้ามาในวงการที่จะไม่รู้จักหรือเคยได้ยินชื่อคุณเสมอๆ แต่ถ้าคุณดังจนเป็นที่รู้จักไปทั่วแล้วจริงๆก็เปลี่ยนเป้าหมายจากทำให้ผู้คนรู้จักมาเป็นสร้างกลุ่มว่าที่ลูกค้าเพิ่มหรือพบปะโดยตรงกับลูกค้าของแทนซะ นั่นเป็นเหตุผลที่เข้าท่ากว่าเดิมในการออกงานซะอีก
- ลูกค้ารักเรา รู้อะไรไหม – ลูกค้าที่รักคุณจะพูดแบบนั้นแหละ แต่ลูกค้าที่ไม่ได้เป็นแบบนั้นจะพูดคำนั้นกับคนอื่นแทน และคนนั้นอาจเป็นคู่แข่งของคุณภายในงานก็ได้ เวลาลูกค้ามีปัญหากับคุณ คุณก็จัดการกับปัญหาได้โดยการไปพบกับลูกค้าโดยตรงในงานจัดแสดงซะแล้วถามพวกเขาว่า “พวกเราเป็นยังไงบ้างครับ ?” “อยากให้เราพัฒนาปรับปรุงแก้ไขตรงไหนไหม ?” ถ้าคุณยอมรับฟังพวกเขาและทำตามที่พวกเขาบอกแล้วล่ะก็ พวกเขาก็จะรักคุณจริงๆ
- เรามีลูกค้าเพียงพอแล้ว มีบางคนที่บอกว่าพวกเขามีลูกค้าเยอะแล้วไม่ต้องหาเพิ่มหรอก ผมนับถือคุณเลย แต่จำเอาไว้ด้วยว่าไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดกาล มักจะมีการเปลี่ยนทิศทางในกลุ่มลูกค้าหรือกำลังขายของคุณเสมอ เปลี่ยนจากลูกค้าอันแสนซื่อสัตย์เป็นแข่งขันเปรียบเทียบราคา และความพยายามอย่างไม่ลดละของคู่แข่งคุณที่จะเขี่ยคุณออกจากลูกค้าของคุณ และคุณก็มีเหตุผลอีกมากมายก่ายกองกว่านี้ที่จะหากลุ่มลูกค้าใหม่ไปเรื่อยๆ
- เรารู้อยู้แล้วว่าธุรกิจจะไปทางไหน ด้วยการแข่งขันกันมากขึ้นในเศรษฐกิจโลก ทำให้ความเร็วของนวัตกรรมสินค้าใหม่ในระยะ2ทศวรรษที่ผ่านมานี้เพิ่มขึ้นมากทีเดียว ไม่มีที่ไหนที่จะรู้สึกถึงทิศทางกระแสของธุรกิจได้ดีกว่าที่งาน EventหรือExhibitionอีกแล้ว – โดยเฉพาะที่บูธของคุณ ที่ซึ่งกลุ่มผู้มาร่วมงานพากันเดินขบวนเข้ามาถามคุณว่าสินค้ารุ่นล่าสุดของคุณเป็นยังไงเมื่อเทียบกับอันอื่นที่เค้าเดินดูในงาน
- คู่แข่งเทียบเราไม่ได้หรอก ถ้าคู่แข่งคุณเทียบคุณไม่ได้จริงๆคุณก็ควรจะไปแสดงให้กลุ่มเป้าหมายเห็นในงานเลย คุณควรจะไปแสดงให้เห็นในงานเลยว่าคุณเหนือกว่าคู่แข่งคุณอย่างชัดเจน ถ้าคุณเจ๋งสุดแต่ไม่ได้อยู่ในงานล่ะก็จำไว้เลยว่าคนที่มาซื้อเค้าก็จะเปรียบเทียบเฉพาะเจ้าที่มาออกแสดงในงานเท่านั้นแหละ
- ไม่มีใครซื้อสินค้าเราตอนนี้หรอก ในไม่กี่ปีที่ผ่านมามีธุรกิจบางประเภทที่ชะลอตัวลงอย่างมาก ในขณะที่ผู้ซื้อมีจำนวนลดลงเพราะเรื่องนั้นก็ตามแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผู้ซื้อที่เหลือยังคงมาร่วมงานและหาซื้อภายในงาน ผู้ซื้อน่ะมีเสมอแหละ – เพราะงั้นถ้าคุณไปออกบูธในงานล่ะก็ คุณนี่แหละที่จะเป็นคนเจอพวกเขาเวลาพวกเขามาร่วมงาน แถมเมื่อเวลาธุรกิจกลับมามีกระแส เหมือนเดิมคุณก็อยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้วคอยที่จะต้อนรับพวกเขาและเงินของพวกเขาด้วย – ในบูธที่คุณจัดแสดงนั่นแหละ
- เราไม่มีสินค้าใหม่ซะหน่อย เมื่อวงจรอายุของสินค้ามากขึ้น บริษัทจะเลือกเวลาที่เหมาะสมในการออกสินค้าใหม่ที่จะแสดงในงาน แต่เดี๋ยวนี้สินค้ามีวงจรอายุที่สั้นลงและมีข้อมูลสินค้าใหม่จากอินเตอร์เพียบ นักการตลาดเลยไม่อยากรอเวลาที่จะออกสินค้าใหม่ของพวกเขาแล้ว อย่างไรก็ตาม exhibitors ก็ยังได้รับคุณค่ามหาศาลจากกลุ่มลูกค้าอยู่ดี เพิ่มความตื่นตัวต่อแบรนด์ และสร้างความสัมพันธ์มากขึ้น และสำหรับ exhibitors ส่วนใหญ่ สินค้าที่ออกตัวมาแล้วในระยะ1-2ปีก็ยังถือเป็นของใหม่เอี่ยม สำหรับผู้มาร่วมงานอยู่ดี
- เรามี leads(ว่าที่ลูกค้า)เพียงพอแล้ว อันนี้จะคล้ายข้อแรกเลย ตรงที่ใครๆเขาก็รู้จักเราหมด ถ้าคุณมี leads เพียงพอแล้วก็เปลี่ยนเป้าหมายให้มากกว่าการสร้าง leads ใช้ประโยชน์จากงานแสดงที่เป็นจุดศูนย์กลางการพบปะในตลาดของคุณ โดยแทนที่จะบินไปโน่นไปนี่ทั่วประเทศหรือทั่วโลกคุณสามารถสร้างจุดนัดพบลูกค้า กลุ่มเป้าหมายหลัก หรือธุรกิจคู่ค้าที่คุณอยากจะสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นด้วย คุณสามารถประหยัดเวลาโดยการพบกลับบุคคลสำคัญเหล่านี้ในที่ๆเดียว
และนี่ก็คือ8เหตุผลที่คุณควรออกงาน Event หรือ Exhibitionต่อไป บางทีคงได้เวลาตรึกตรองใหม่แล้ว ปัดฝุ่นอันที่เคยจัดแสดงอันเก่าซะหน่อยหรือบางทีอาจหาสิ่งใหม่ๆมาจัดแสดงแทนและกลับเข้าไปร่วมงานเหมือนเดิม
การทำ “ การตลาด ” คือการนำข้อมูลที่ได้จากลูกค้ามาวิเคราะห์แล้วนำไปปรับใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ต่างๆของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการจัดงานประเภทต่างๆ อาทิ งานแสดงสินค้า งานอีเวนต์ งานประชุมและสัมมนา ที่เหล่าออแกไนซ์อย่างเราต้องการข้อมูลจากเหล่าผู้ร่วมงานมากที่สุด
เพราะขอแค่มีข้อมูลของลูกค้า เช่น จำนวนคนเข้าร่วมงาน เพศ อายุ สัญชาติ อาชีพ และที่อยู่อาศัย ก็สามารถต่อยอดการตลาดได้มหาศาลแล้วครับ
จุดเริ่มต้นก่อนจะลงมือทำกิจกรรมทางการตลาดต่างๆได้นั้น แบรนด์จำเป็นจะต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า ใครกันคือ ‘กลุ่มเป้าหมาย’ ตัวจริง และพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้เป็นอย่างไรกันแน่? แล้วหลังจากนั้นแบรนด์ก็จะนำข้อมูลดังกล่าวนี้มาสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเข้าถึง ‘กลุ่มเป้าหมายตัวจริง’ ให้ได้มากที่สุดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบแพคเกจจิ้ง (Packaging Design) การทำกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า และ ท้ายที่สุดคือการนำไปสู่การเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์นั่นเองครับ
แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหนะสิครับ การจะหาข้อมูล และ ถามความต้องการของผู้ร่วมงานซึ่งๆหน้า หรือการทำแบบสอบถาม เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ด้วยสาเหตุหลักคือ กลุ่มเป้าหมายไม่ต้องการเสียเวลาในการทำแบบสอบถามนั่นเอง แถมเรายังต้องมีค่าใช้จ่ายรายวันที่เพิ่มขึ้น จากการจ้างผู้แจกแบบสอบถาม และ คุณยังต้องมานั่งคัดแยกข้อมูลเองอีกด้วย
การทำ “ การตลาด ” คือการนำข้อมูลที่ได้จากลูกค้ามาวิเคราะห์ แล้วนำไปปรับใช้ในการกำหนดกลยุทธ์ต่างๆของธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการจัดงานประเภทต่างๆ อาทิ งานแสดงสินค้า งานอีเวนต์ งานประชุมและสัมมนา ที่เหล่าออแกไนซ์อย่างเราต้องการข้อมูลจากเหล่าผู้ร่วมงานมากที่สุด Event หรือ Exhibition
เพราะขอแค่มีข้อมูลของลูกค้า เช่น จำนวนคนเข้าร่วมงาน เพศ อายุ สัญชาติ อาชีพ และที่อยู่อาศัย ก็สามารถต่อยอดการตลาดได้มหาศาลแล้วครับ
จุดเริ่มต้นก่อนจะลงมือทำกิจกรรมทางการตลาดต่างๆได้นั้น แบรนด์จำเป็นจะต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า…ใครกันคือ ‘กลุ่มเป้าหมาย’ ตัวจริง และพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้เป็นอย่างไรกันแน่? แล้วหลังจากนั้นแบรนด์ก็จะนำข้อมูลดังกล่าวนี้มาสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเข้าถึง ‘กลุ่มเป้าหมายตัวจริง’ ให้ได้มากที่สุดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบแพคเกจจิ้ง (Packaging Design) การทำกิจกรรมการส่งเสริมการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า และท้ายที่สุดคือการนำไปสู่การเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์นั่นเองครับ
แต่มันไม่ง่ายแบบนั้นหนะสิครับ การจะหาข้อมูล และ ถามความต้องการของผู้ร่วมงานซึ่งๆหน้า หรือการทำแบบสอบถาม เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ด้วยสาเหตุหลักคือ กลุ่มเป้าหมายไม่ต้องการเสียเวลา ในการทำแบบสอบถามนั่นเอง แถมเรายังต้องมีค่าใช้จ่ายรายวันที่เพิ่มขึ้น จากการจ้างผู้แจกแบบสอบถาม และ คุณยังต้องมานั่งคัดแยกข้อมูลเองอีกด้วย งาน Exhibition
มีคำตอบครับ เพียงแค่คุณใช้เทคโนโยลีเข้ามาช่วย ณ จุดลงทะเบียนเข้างาน นอกจากจะสร้างความรวดเร็วให้ด้านหน้างานแล้ว เจ้าแพลตฟอร์มอัจฉริยะนี้ยังสามารถช่วยคุณวิเคราะห์ข้อมูลผู้ร่วมงานได้อย่างละเอียดแบบ Real-Time และหากต้องการทราบความรู้สึกของลูกค้าที่มีต่องานอีเวนต์ของคุณก็ทำได้ไม่ยาก แค่ส่งอีเมลเชิญทำแบบสอบถามบนแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ทำได้ง่ายๆแค่มีมือถือเครื่องเดียว นอกจากจะช่วยลดต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคลแล้ว ยังช่วยให้คุณรู้ลึกข้อมูลลูกค้าได้รวดเร็วและแม่นยำกว่าด้วยครับ
หากคุณกำลังจะจัดงานที่อยากใช้ระบบ QR Code ในกิจกรรมการจัดงานของคุณ สามารถ ติดต่อได้ที่ K&O Systems ซึ่งมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำ ระบบ QR Code ในงาน event มาแล้วมากมายอาทิ เช่น ระบบลงทะเบียนเข้างาน QR code จับรางวัล และ อื่นๆ ภายในงาน อีเว้นท์ และ งานแสดงสินค้าเข้าไปดูผลงานได้ที่นี่ Vveedigital
หากท่านมีความสนใจ บทความ หรือ Technology สามารถติดต่อได้ตามเบอร์ที่ให้ไว้ด้านล่างนี้
Tel.086-594-5494
Tel.095-919-6699
สอบถามได้ทั้ง เรื่องค่าบริการ ราคา และ งบประมาณ เพราะเป็นราคาที่สุด คุ้มที่สุด
เรามีแอดมินคอยคอบคำถาม 24 ชั้วโมงที่ Line OA ให้คำปรึกษาด้านวางระบบ