วันนี้จึงจะพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับ เทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Face Recognition) ให้มากขึ้น รวมถึงเราจะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยครับ
แม้ว่าตอนนี้ จะมีข้อกังวลถึง เทคโนโลยีจดจำใบหน้า หรือ Face Recognition ในด้านจริยธรรม ในบางประเทศ รวมไปถึงการที่รัฐเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอม แต่รัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันที่จะใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อการพัฒนาประเทศ และ ทางธุรกิจ โดยยืนยันว่าเทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำไปใช้แบบเฉพาะเจาะจงมากกว่าถูกนำไปใช้ในการเฝ้าระวัง
เทคโนโลยีจดจำใบหน้า หรือ Face Recognition คือ กระบวนการในการจดจำใบหน้า โดยนำไปเปรียบเทียบกับใบหน้าในฐานข้อมูล พร้อมวิเคราะห์องค์ประกอบต่าง ๆ และ เอกลักษณ์ของหน้า เช่น ตา จมูก คิ้ว ปาก โครงหน้า หรือแม้แต่ระยะห่างระหว่างอวัยวะต่าง ๆ บนใบหน้า เพื่อยืนยันว่าใบหน้าที่ตรวจจับได้ถูกต้องและตรงกับบุคคลนั้น ๆ
ซึ่งเทคโนโลยีนี้อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่เราคิด เช่น การปลดล็อกสมาร์ทโฟนด้วยใบหน้าของเรา หรือการเข้ารหัสต่าง ๆ และเนื่องจากเป็นรูปแบบการยืนยันตัวที่มีความแม่นยำสูง จึงมักถูกนำมาใช้ในเรื่องของความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น การตรวจสอบบุคคล หรือ การตรวจสอบก่อนการเข้าถึงข้อมูล
นอกจากนี้ได้มีการติดตั้งเครื่องสแกนใบหน้าไว้ที่สนามบิน เพื่อเตรียมความพร้อมในการตรวจสอบข้อมูลของนักเดินทาง โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะถ่ายภาพใบหน้าบุคคลในสภาวะ แสงต่างๆ ซึ่งภาพเหล่านี้จะผูกกับฐานข้อมูลอื่นๆ ของบุคคลนั้น ไม่ว่าจะเป็นบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทางและใบผ่านงาน พร้อมที่ปรึกษาด้านดิจิทัลอย่าง Toppan Ecquaria ที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงาน GovTech ในด้านความปลอดภัย
เมื่อเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Face Recognition) จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา
ทำงานอย่างไร ?
การทำงานของระบบจดจำใบหน้า ประกอบไปด้วย 2 ขั้นตอนหลัก ได้แก่
- การตรวจจับใบหน้า (Face Detection) คือ การค้นหาใบหน้าจากข้อมูลที่ได้รับมา เพื่อนำไปประมวลผลสำหรับขั้นตอนถัดไป
- การรู้จำใบหน้า (Face Recognition) คือ การนำภาพใบหน้าที่ได้จากขั้นตอนแรก มาประมวลผลและเปรียบเทียบกับใบหน้าในฐานข้อมูล ว่าใบหน้านั้นตรงกับใบหน้าไหนในฐานข้อมูล
เมื่อเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (Face Recognition) จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา
Face Recognition กับการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยีจดจำใบหน้าสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย นอกเหนือจากการรักษาความปลอดภัย เช่น การนำมาตรวจสอบจำนวนของผู้คน ภายในพื้นที่ วิเคราะห์พฤติกรรม ของผู้คน หรือใช้เพื่อยืนยันการชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งในประเทศสิงคโปร์ได้ใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าผูกเข้ากับบัตรประชาชน เพื่อให้ภายในปีพ.ศ. 2564 ประชาชนสามารถ ใช้บริการจากหน่วยงานรัฐ ธนาคาร หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้เพียงแค่แสกนใบหน้า
ในประเทศไทย หลาย ๆ อุตสาหกรรมได้มีการนำเทคโนโลยี จดจำใบหน้าไปประยุกต์ใช้บ้างแล้ว ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถใช้ร่วมกับเทคโนโลยี จดจำใบหน้า เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นก็เป็นได้นะครับ
เทคโนโลยี Facial Recognition หรือหลายคนเรียกสั้นๆ ว่า “Face Scan” ได้รับการจับตามองมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นรูปแบบ การยืนยันตัวบุคคลที่ไม่ต้องใช้การสัมผัส และ มีความแม่นยำสูง จนหลายรัฐบาลเตรียมนำเข้ามาใช้ในฐานข้อมูลประชากร ของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะจีนที่มีจำนวนประชากรมหาศาล แต่เนื่องจากมีเรื่องของสิทธิส่วนบุคคลเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เทคโนโลยีดังกล่าวกลายเป็นแค่โครงการที่รอวันใช้งานจริง
แต่ดูเหมือนสิงคโปร์จะสนับสนุน การใช้เทคโนโลยี Face Scan จนกลายเป็นประเทศแรกของโลก ที่ใช้การยืนยันใบหน้าที่ผูกกับบัตรประชาชน โดยกำหนดให้ปี 2564 ประชากรหลายล้านคนจะสามารถเข้าถึงการให้บริการจจากหน่วยงานของรัฐ, ธนาคาร และ สิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะอื่นๆ ด้วยการสแกนใบหน้าอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ไม่ต้องจำ รหัสผ่านที่มีจำนวนมาก และ ลดความเสี่ยงในการสัมผัส
โดยระบบสแกนใบหน้าจะถูกนำไปทดสอบ ในสำนักงานของรัฐบาลบางแห่ง รวมถึงหน่วยงานด้านภาษีและกองทุนบำนาญ ซึ่งระบบสแกนใบหน้า จะช่วยยืนยันได้ว่าเป็นบุคคลจริงไม่ใช่ ภาพถ่ายหรือภาพวิดีโอ ที่สำคัญธนาคาร DBS ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ยังขอเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ในการทดลองระบบดังกล่าว
หากคุณกำลังจะจัดงานที่อยากใช้ระบบ QR Code ในกิจกรรมการจัดงานของคุณ สามารถ ติดต่อได้ที่ K&O Systems ซึ่งมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำ ระบบ QR Code ในงาน event มาแล้วมากมายอาทิ เช่น ระบบลงทะเบียนเข้างาน QR code จับรางวัล และ อื่นๆ ภายในงาน อีเว้นท์ และ งานแสดงสินค้าเข้าไปดูผลงานได้ที่นี่ Vveedigitalและสอบถามได้ที่เบอร์ 082-645-4469