ประชุมสัมมนา มีความสำคัญเป็นอย่างไร การจัดการประชุมให้บรรลุเป้าหมายไม่ใช้ว่าจะง่าย ผู้จัดงานจำเป็นต้องสามารถระบุจุดประสงค์สำหรับการจัดการประชุมให้ได้ว่าเป็นยังไง การเลือกแบบอย่างการประชุมสัมมนาให้สมควรก็เลยนับว่าเป็นหัวใจหลักที่จะสามารถช่วยให้ผู้จัดงานสามารถกำหนดเป้าหมายได้ถูกต้องเพิ่มขึ้น
โดยแบบอย่างการจัดงานประชุมสัมมนานั้นมี 6 แบบอย่างร่วมกัน
การอภิปรายแบบแผนก (Panel Discussion)
เป็นการการประชุมเชิงอภิปรายรายละเอียดโดยจะมีแผนกผู้ทรงคุณวุฒิผู้ที่มีความชำนาญและก็มีประสบการณ์วิชาความรู้ในประเด็นนั้นๆราว 3-8 คน โดยจะเป็นการอภิปรายในเชิงลึกมีความเห็น ข้อมูลเรื่องจริง ความรู้ความเข้าใจ มุมมองและก็วิชาความรู้ที่ผิดแผกแตกต่างลึกซึ้งนาๆประการ ซึ่งจะก่อให้ผู้ร่วมประชุมสัมมนาได้รับวิชาความรู้ ความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกัน ได้แนวคิดนานัปการ และก็มีหลายมุมมองในเรื่องเดียวกัน ประชุมสัมมนา
การประชุมสัมมนาในแบบซิมโพเซี่ยม (Symposium)
เป็นการการประชุมการสัมมนาเชิงวิชาการ บรรยากาศอภิปรายจะแบบเป็นทางการ มีวิทยากร 2-6 คนซึ่งจะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในประเด็นนั้นๆซึ่งผู้อภิปรายจะจัดแจงวิชาความรู้ในส่วนส่วนของตนเองที่รับผิดชอบตอนใดตอนหนึ่งที่ตนได้รับมอบหมายซึ่งการบรรยายสำหรับเพื่อการอภิปรายอย่างนี้วิทยากรจะไม่เหลื่อมล้ำหรือซ้ำไปซ้ำมากับหัวข้อของวิทยากรท่านอื่น โดยวิทยากรแต่ละท่านจำต้องเสนอแนวความคิดที่ตรงประเด็นจุดหมายให้เยอะที่สุด โดยแต่ละท่านจะใช้เวลาราว 10-15 นาที ซึ่งจะมีผลให้ผู้ร่วมการประชุมได้รับวิชาความรู้แบบแน่นๆในเชิงลึกของเรื่องนั้นๆอย่างยิ่งจริงๆ
การประชุมสัมมนาแบบอย่างอภิปรายระดมความคิด (Brain Storming)
เป็นแบบอย่างการประชุมสัมมนาที่อยากการอภิปรายโดยผู้เข้าร่วมสัมนาสามารถออกความคิดเห็นด้วยกันได้ โดยจะจัดเป็นกิจกรรมกรุ๊ปที่มีผู้ร่วมอภิปราย 5-15 คน เพื่อเกิดแนวคิดประดิษฐ์ แล้วก็กำเนิดข้อสรุปตามหัวข้อแล้วก็รายละเอียดที่ระบุ โดยการปฏิบัติงานอภิปรายจะมีหัวหน้าเป็นประธานกรุ๊ปมีผู้ช่วยกรุ๊ปเขียนบันทึกการสัมมนาอยู่ด้วย ซึ่งงานชนิดนี้จะก่อให้เพื่อนร่วมงานได้ได้โอกาสได้ให้ความเห็นอย่างอิสระแล้วก็เต็มกำลัง แถมยังสร้างการติดต่อสื่อสารรวมทั้งความเกี่ยวเนื่องที่ดีระหว่างผู้มาร่วมงานอีกด้วย
การประชุมสัมมนาอภิปรายโดยการใส่หน้าที่สมมุติ (Role Playing)
เป็นการระบุเรื่องโดยผู้จัดการประชุมสัมมนาให้ผู้เข้าสัมนาได้แสดงบทบาทต่างๆแล้วก็ให้ความคิดเห็นความรู้สึกได้ตามหน้าที่สมมุติที่ตัวเองเล่นอยู่นั้น ดังเช่น กระบวนการติดต่อธุรกิจทางโทรคำศัพท์ กรรมวิธีร่วมสัมภาษณ์ปฏิบัติงาน ฯลฯ ผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาจะได้ใส่หัวใจและก็ศึกษารู้เรื่องในความรู้สึกความเห็นของหน้าที่ที่สวมอยู่ กำเนิดเป็นประสบการณ์ใหม่และก็ความนึกคิดความรู้ความเข้าใจใหม่ๆอย่างถ่องแท้
การอภิปรายแบบถาม-ตอบ (Dialogue)
เป็นการประชุมการประชุมแบบกรุ๊ปโดยประมาณ 8-15 คน จัดสถานที่การประชุมให้เป็นโต๊ะกลมที่ทุกคนหันเข้าพบกันจะมีประธานการประชุมสัมมนาเป็นผู้เสนอหัวข้อ รายละเอียดและก็ปัญหาให้ยอมรับฟังด้วยกัน แล้วต่อจากนั้นเริ่มอภิปรายโดยผู้ที่อยู่ต่อจากประธานอภิปรายตามความนึกคิดความอยากของตนเกี่ยวกับหัวข้อดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แล้วเรียงกันไปด้านขวากล่าวครั้งละคนยากจนครบทุกคน ซึ่งการจัดงานอย่างงี้จะก่อให้เพื่อนร่วมงานให้ความเห็น แนวความคิด การวิเคราะห์ได้อย่างมาก
การประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop)
เป็นกระบวนการสัมมนาที่ต้องการที่จะให้สมาชิกได้รับวิชาความรู้ในแง่ทฤษฎีรวมทั้งปฎิบัติไปพร้อมเพียงกัน ซึ่งการจัดการประชุมชนิดนี้จะเน้นย้ำให้เพื่อนร่วมงานนำเอาวิชาความรู้ไปใช้มากยิ่งกว่าการฟัง กำเนิดคุณประโยชน์รวมทั้งใช้ได้จริงในสายอาชีพ อาทิเช่น การประชุมสัมมนาเรื่องวิธีการใช้ระบบสมัครสมาชิกหรือศึกษาการผลิต QR Code นอกเหนือจากการที่จะฟังอธิบายแล้วจะเพื่อนร่วมงานจำต้องทำกิจกรรม Workshop เพื่อสามารถสร้างแบบฟอร์มการสมัครสมาชิกรวมทั้งสร้าง QR Code ได้ด้วยตัวเอง ฯลฯ
ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีทางการสื่อสารในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้น มีผู้คนมากมายเชื่อว่างานEventหรือExhibitionกำลังจะกลายเป็นของตกยุคหรือมีความสำคัญต่อการตลาดของบริษัทน้อยลงเรื่อยๆ แต่คุณรู้ไหมว่างานEventหรือExhibitionกำลังมีความนิยมและประสิทธิภาพมากขึ้นเนื่องจากสิ่งที่มันมอบให้ระหว่าง exhibitorsและกลุ่มเป้าหมายซึ่งก็คือปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ในขณะที่มีคนพูดว่าเทคโนโลยีคือแนวทางแห่งอนาคต นี่คือเหตุผล5ข้อที่ว่าทำไมงานEventหรือExhibitionยังคงอยู่ได้แน่น่อน การประชุมสัมมนา
- ธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์ส่วนใหญ่นั้นต้องการและเลือกที่จะมีปฏิสัมพันธ์กันแบบต่อหน้ามากกว่า ถ้าผมกำลังมองหาสินค้าและมีคำถามที่อยากจะถามล่ะก็ ผมอยากจะถามกับคนที่ให้คำตอบตรงกับความต้องการมากกว่าต้องไปดูแบบฟอร์มคู่มือออนไลน์เอาเอง แถมยังต้องการให้ทำการสาธิตให้ดูด้วย ถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของวัฒนธรรมและเทคโนโลยีในปัจจุบันจะยืนยันว่ามีวิธีทางการตลาดที่กว่าสำหรับสินค้าหรือการทำธุรกิจก็ตาม แต่ก็ไม่มีมาอะไรมาทดแทนคุณค่าของการปฏิสัมพันธ์แบบต่อหน้าได้อยู่ดี
- Social media ทดแทนการพบปะของจริงไม่ได้ Social mediaสามารถเพิ่มความรู้สึกของการพบปะต่อหน้าได้แต่ไม่มีทางมาแทนที่ได้ คุณสามารถ tweetและโพสอัพเดตบนเฟสบุคหรือทำลิ้งเท่าไรก็ทำได้ แต่ก็นั่นแหละธรรมชาติของมนุษย์ยังคงต้องการติดต่อแบบพบปะตัวจริงเพื่อความสบายใจอยู่ดี หน้าเว็บSocial mediaถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีคุรค่ามากสำหรับการโปรโมท ติดต่อสื่อสารและให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลบางส่วน ในเวลาก่อน,ระหว่าง,และหลังงานที่จัด จริงๆแล้วผมก็สนับสนุนให้ใช้มันในการตลาดของธุรกิจของคุณหรอกนะ เพียงแต่ว่าระหว่างการคุยกับผู้อื่นผ่านการโพสกับการพูดคุยแบบต่อหน้ามันให้ความรู้สึกคนละแบบเลยและอาจส่งผลต่อการขายด้วย
- ต้องเห็นกับตาถึงจะเชื่อ คุณเคยดูสตาร์วอร์ผ่านทางคลื่นวิทยุไหม? ทำไม่ได้อยู่แล้ว! เพราะต้องมีภาพด้วยถึงจะเรียกว่าดู! นี่ก็ถือเป็นสัจธรรมสำหรับการสาธิตให้ดูหรือขายสินค้าเลยและยิ่งสำหรับคนที่คุณไม่เคยเห็นหน้าด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่ คุณไม่สามารถสื่ออารมณ์ทั้งหมดหรือสร้างความเชื่อใจ มั่นใจ และความน่าเชื่อถือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเดียวได้ คุณอาจจะสามารถเป็น blogger มืออาชีพได้ ส่ง social media อัพเดต และแชร์ความรู้ของคุณได้ แต่ผู้รับที่อยู่ปลายทางนั้นจะรู้สึกขาดองค์ประกอบสำคัญส่วนบุคคลไป ภาษากายของคุณ โทนเสียงของคุณ และส่วนสำคัญอีกหลายอย่างที่คุณไม่สามารถส่งผ่านโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ได้ กลุ่มเป้าหมายของคุณอาจจะต้องการ “จับต้องและรับรู้ความรู้สึก” ของสินค้าของคุณและชมการสาธิตการใช้งานแบบต่อหน้าเลย เพราะการจับต้องผ่านหน้าจอมันทำให้รู้สึกได้ยากน่ะนะ
- งานEventหรือExhibitionสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ กลุ่มเป้าหมายของคุณนั้นจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าทำไมเขาต้องธุรกิจกับคุณ จากประสบการณ์ของเรานั้นสิ่งที่จัดแสดงต้องสามารถบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ได้และยังจำเป็นต้องมีความเกี่ยวข้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายด้วย แต่กุญแจสำคัญไม่ได้มีแค่สิ่งที่จัดแสดงเท่านั้นแต่ยังรวมถึงพนักงานประจำบูธด้วย พวกเขามีหน้าที่คอยปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าที่ดูมีแววและถ้าไปได้สวยล่ะก็กลุ่มเป้าหมายที่มาเยี่ยมเยียนบูธจะอยากติดต่อกับพวกเขามากขึ้น
- คุณจะมีผู้ชมที่ถูกจับมารวมกันอยู่ในงานเลย การส่งข้อความหรืออีเมล์อาจมีดีเลย์ได้ หรือคนที่คุณอยากติดต่อด้วยอาจลาพักร้อนอยู่ทำให้ข้อความของคุณส่งไปไม่ถูกที่ถูกเวลาทำให้ปฏิสัมพันธ์ได้ยาก การถูกรบกวนอาจทำให้ข้อความของคุณดู “เบาบาง” ไปเลยซึ่งนั่นทำให้กลุ่มเป้าหมายของคุณเอาคุณไว้ทีหลัง แต่ถ้า “พูดใส่หน้า” พวกเขาในงานล่ะก็จะทำให้ดึงดูดความสนใจของพวกเขาได้ง่ายขึ้น จะมีที่ไหนที่จะรวมพวกกลุ่มผู้ซื้อจำนวนมากหรือกลุ่มผู้มีอิทธิพลสำหรับคุณมาไว้ที่เดียวอีกล่ะ?
การอภิปรายแบบถาม-ตอบ (Dialogue)
เป็นการประชุมการประชุมแบบกรุ๊ปโดยประมาณ 8-15 คน จัดสถานที่การประชุมให้เป็นโต๊ะกลมที่ทุกคนหันเข้าพบกันจะมีประธานการประชุมสัมมนาเป็นผู้เสนอหัวข้อ รายละเอียดและก็ปัญหาให้ยอมรับฟังด้วยกัน แล้วต่อจากนั้นเริ่มอภิปรายโดยผู้ที่อยู่ต่อจากประธานอภิปรายตามความนึกคิดความอยากของตนเกี่ยวกับหัวข้อดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แล้วเรียงกันไปด้านขวากล่าวครั้งละคนยากจนครบทุกคน ซึ่งการจัดงานอย่างงี้จะก่อให้เพื่อนร่วมงานให้ความเห็น แนวความคิด การวิเคราะห์ได้อย่างมาก
การประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop)
เป็นกระบวนการสัมมนาที่ต้องการที่จะให้สมาชิกได้รับวิชาความรู้ในแง่ทฤษฎีรวมทั้งปฎิบัติไปพร้อมเพียงกัน ซึ่งการจัดการประชุมชนิดนี้จะเน้นย้ำให้เพื่อนร่วมงานนำเอาวิชาความรู้ไปใช้มากยิ่งกว่าการฟัง กำเนิดคุณประโยชน์รวมทั้งใช้ได้จริงในสายอาชีพ อาทิเช่น การประชุมสัมมนาเรื่องวิธีการใช้ระบบสมัครสมาชิกหรือศึกษาการผลิต QR Code นอกเหนือจากการที่จะฟังอธิบายแล้วจะเพื่อนร่วมงานจำต้องทำกิจกรรม Workshop เพื่อสามารถสร้างแบบฟอร์มการสมัครสมาชิกรวมทั้งสร้าง QR Code ได้ด้วยตัวเอง ฯลฯ
ด้วยพัฒนาการของเทคโนโลยีทางการสื่อสารในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้น มีผู้คนมากมายเชื่อว่างานEventหรือExhibitionกำลังจะกลายเป็นของตกยุคหรือมีความสำคัญต่อการตลาดของบริษัทน้อยลงเรื่อยๆ แต่คุณรู้ไหมว่างานEventหรือExhibitionกำลังมีความนิยมและประสิทธิภาพมากขึ้นเนื่องจากสิ่งที่มันมอบให้ระหว่าง exhibitorsและกลุ่มเป้าหมายซึ่งก็คือปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ในขณะที่มีคนพูดว่าเทคโนโลยีคือแนวทางแห่งอนาคต นี่คือเหตุผล5ข้อที่ว่าทำไมงานEventหรือExhibitionยังคงอยู่ได้แน่น่อน
สภาพโดยรวมของงานEventหรือExhibitionในทศวรรษที่ผ่านมาเปลี่ยนไปมากก็จริงอยู่ Social mediaเองก็กลายเป็นเครื่องมือทรงประสิทธิภาพมากในด้านการโปรโมตหรือติดต่อสื่อสาร แต่ “องค์ประกอบของมนุษย์” ในสภาพแวดล้อมของงานEventหรือExhibitionนั้นคือสิ่งไม่สามารถทดแทนได้ ยังคงเป็น marketing mediums ที่คุ้มค่าแก่การลงทุนเสมอ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมงานEventหรือExhibitionยังคงดำเนินและก้าวหน้าอยู่ในปัจจุบันและเหล่าบริษัทต่างๆที่รู้จักใช้มันเพื่อผลประโยชน์และคอยหมั่นเรียนรู้จากมันจึงยิ่งเจริญขึ้นเรื่อยๆ
หากคุณกำลังจะจัดงานที่อยากใช้ระบบ QR Code ในกิจกรรมการจัดงานของคุณ สามารถ ติดต่อได้ที่ K&O Systems ซึ่งมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำ ระบบ QR Code ในงาน event มาแล้วมากมายอาทิ เช่น ระบบลงทะเบียนเข้างาน QR code จับรางวัล และ อื่นๆ ภายในงาน อีเว้นท์ และ งานแสดงสินค้าเข้าไปดูผลงานได้ที่นี่ Vveedigital และสอบถามได้ที่เบอร์ 082-645-4469